UNHCR logo
  • บริจาค
  • ลงชื่อติดตามและสนับสนุนการทำงาน
UNHCR logo
  • Search
  • Thailand
  • Menu

Select a language for this section:

English ไทย

Select a language for our global site:

English Français Español عربي
Select a country site:
  • บริจาค
  • ลงชื่อติดตามและสนับสนุนการทำงาน
  • Media Centre
  • ติดต่อเรา

Share

Facebook Twitter
  • เกี่ยวกับ UNHCR
    • UNHCR ในประเทศไทย
    • อนุสัญญาปี ค.ศ.1951 ว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย
    • กลุ่มคนที่เราช่วยเหลือ
    • สถิติของ UNHCR ที่น่าสนใจ
    • ผู้สนับสนุนที่มีชื่อเสียง
  • การทำงานของเรา
    • การมอบความคุ้มครอง
    • ทางออกที่ยั่งยืน
    • การมอบความช่วยเหลือขั้นพื้นฐานและปัจจัยสี่
    • การศึกษา
    • สิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    • ความร่วมมือภาคเอกชน
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน
    • การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
    • วิกฤตการณ์ซีเรีย
    • สถานการณ์เมียนมา
    • วิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา
    • วิกฤตการณ์เยเมน
    • วิกฤตการณ์ซูดานใต้
    • วิกฤตการณ์เวเนซุเอลา
    • วิกฤตการณ์ชาด
    • วิกฤตการณ์เอธิโอเปีย
    • วิกฤตการณ์ในอัฟกานิสถาน
  • ข้อมูลข่าวสารล่าสุด
    • ข่าวประชาสัมพันธ์
    • เรื่องราว
    • จดหมายข่าว
    • รายงานประจำปี
  • มีส่วนร่วมกับเรา
    • บริจาคออนไลน์
    • บริจาคผ่านพนักงานโดยตรง
    • บริจาคผ่านพนักงานทางโทรศัพท์
    • กิจกรรม
    • ผู้บริจาคของเรา : ครอบครัวผู้บริจาค UNHCR
    • ความร่วมมือจากบริษัท มูลนิธิ และองค์กรต่างๆ
    • กองทุนนักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่เพื่อผู้ลี้ภัย
    • ผู้สนับสนุนพื้นที่สื่อสารองค์กรของ UNHCR
    • ลงชื่อสนับสนุน
    • ร่วมงานกับเรา
Search UNHCR
Close Search
 
  • Home

โรงพยาบาลที่ถูกทิ้งร้างกลับมามีชีวิตอีกครั้งในฐานะบ้านของผู้ลี้ภัยชาวยูเครนในบัลแกเรีย

18 ม.ค. 2023

นาตาเลีย อาร์ติอุกห์ และลูกสาวของเธอ ย้ายจากเมืองซาปอร์ริซเซีย ประเทศยูเครน เข้ามาในโรงพยาบาลในเดือนมิถุนายน พร้อมกับสมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ © UNHCR/Nikolay Stoykov

ตอนที่นาตา เอลลิส ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีจากเมืองโอเดซา ได้ยินเกี่ยวกับโรงพยาบาลร้างในเมืองพลอฟดิฟ ประเทศบัลแกเรีย เธอจึงเห็นโอกาสว่าที่นี่อาจเป็นที่พักพิงให้ผู้ลี้ภัยที่ถูกบังคับให้หนีจากสงครามในยูเครนได้

ก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า และภายในไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเลย สีลอกออกจากผนังของกำแพงอาคารที่เสียหาย แต่เราได้มาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพราะได้รับการบริจาคจากเทศบาล เอลลิส เรียกพลอฟดิฟ ว่าบ้านนับตั้งแต่ออกจากยูเครนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เธอมีความมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูที่นี่เพื่อเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุจำนวนมากที่กำลังต้องการที่ให้พักพิง

“ภายในระยะเวลา 2-3 วันแรก หลังสงครามเกิดขึ้น เราเริ่มทำศูนย์รวบรวมของบริจาค และด้วยความช่วยเหลือจาก เพื่อน ครอบครัว และสมาคมต่าง ๆ เราสามารถรวบรวมอาหาร ยา ผ้าห่ม และผ้าพันแผลได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อการทำงานขยายตัวอย่างรวดเร็ว เราตระหนักได้ว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ” เอลลิส เล่า ขณะที่เธอเดินอยู่ในชั้นแรก ๆ ของโรงพยาบาลที่ตอนนี้ได้รับการฟื้นฟูใหม่แล้ว

เอลลิส สามารถจัดการปรับปรุงชั้น 1-3 ของโรงพยาบาลได้จากทั้งหมด 4 ชั้น นับตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือนมีนาคม ด้วยความช่วยเหลือจากอาสาสมัครผู้ลี้ภัย และการบริจาคจากธุรกิจท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชน และประชาชนชาวบัลแกเรีย

ภายใต้การอุปถัมภ์ของ Ukraine Support and Renovation Foundation องค์กรการกุศลของเธอ โรงพยาบาลที่ได้รับการฟื้นฟูใหม่เปิดทำการอีกครั้งในเดือนมิถุนายน และตอนนี้ที่นี่เป็นบ้านของผู้ลี้ภัย 130 คน รวมไปถึงเด็ก ๆ 51 คน

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) กำลังปรับปรุงชั้น 4 ของอาคารทั้งชั้น นอกจากนี้ยังมอบที่นอน ผ้าห่ม และชุดอุปกรณ์ประกอบอาหาร เพื่อเติมเต็มความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เทศบาลมอบความช่วยเหลือด้วยการมอบไฟฟ้า เครื่องทำความร้อน และอาหาร

“ทีมเจ้าหน้าที่ด้านความคุ้มครองทำงานอยู่ในพื้นที่ช่วยผู้ลี้ภัยในพลอฟดิฟ รวบรวมข้อมูลโครงการที่มอบความช่วยเหลือพื้นฐานเหล่านี้ โดยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเช่นนี้ รวมไปถึงจากการบริหารส่วนท้องถิ่น เทศบาล ผู้ลี้ภัย ชุมชนที่ให้ที่พักพิง และภาคเอกชน สร้างความรู้สึกของการได้เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งในทางกลับกันยังทำให้เกิดการมีส่วนร่วม และการบูรณาการร่วมกันอีกด้วย” เซดา คูซูคู ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศบัลแกเรีย กล่าว

หลายครอบครัวพักพิงอยู่ด้วยกันในห้องพักรวม และที่ศูนย์แห่งนี้ประกอบไปด้วยห้องครัว 4 ห้อง ต่อชั้น ทำให้ผู้ลี้ภัยมีอิสระในการเตรียมอาหารของตนเอง ในพื้นที่เก็บของ ผู้ลี้ภัยหญิงช่วยกันจำแนก และจดบันทึกรายการเสื้อผ้าที่ได้รับการบริจาคเพื่อให้แจกจ่ายได้มากขึ้น แม้ว่าเด็ก ๆ ชาวยูเครนส่วนใหญ่เข้าเรียนในโรงเรียนของบัลแกเรีย แต่ที่ศูนย์แห่งนี้ยังมีการเรียนการสอนทั้งภาษาบัลแกเรีย และภาษาอังกฤษทุกวัน ขณะที่ชั้นเรียนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับวงจรไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ และกิจกรรมศิลปะบำบัด มีการเรียนการสอน2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

ก่อนช่วงหยุดยาวมาถึง เด็ก ๆ ช่วยกันเปลี่ยนศูนย์แห่งนี้ให้เป็นดินแดนมหัศจรรย์ในฤดูหนาว ด้วยเครื่องประดับที่ประดิษฐ์เอง รวมไปถึงต้นคริสต์มาสที่ตั้งอยู่ที่บริเวณจุดต้อนรับ และพื้นที่ส่วนกลาง โรงพยาบาลยังจัดกิจกรรม Christmas Bazaar เป็นเวลา 2 วัน เพื่อเปิดพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง เช่น เครื่องประดับ ของเล่น งานถักต่าง ๆ รวมไปถึงสินค้าทำมืออื่น ๆ เพื่อช่วยระดมทุนหาของขวัญให้เด็ก ๆ

โซเฟีย ผู้ลี้ภัยชาวยูเครน พบกับซานตาคลอส ในงาน Christmas Charity Bazaar ที่โรงพยาบาล © UNHCR/Nikolay Stoykov
นาตา เอลลิส ผู้ก่อตั้งพูดคุยกับผู้ลี้ภัยจากยูเครน ที่พักพิงอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์ชุมชน ในพลอฟดิฟ © UNHCR/Nikolay Stoykov

“ราวกับว่าที่ศูนย์แห่งนี้เป็นเหมือนหมู่บ้านเล็ก ๆ หรือชุมชนในแง่ที่ทุกคนช่วยเหลือกันทุกเรื่อง ตั้งแต่การทำความสะอาด ไปจนถึงการช่วยดูแลเด็ก ๆ เมื่อครอบครัวของพวกเขาต้องออกไปทำงาน ที่นี่ทุกคนเป็นเครือข่ายของการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่เพียงแต่ในเวลาที่พวกเขาต้องอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้ แต่ยังรวมถึงตอนที่พวกเขาตัดสินออกจากที่นี่เพื่อเช่าที่พักพิงอยู่เอง” เอลลิส อธิบาย

นาตาเลีย อาร์ติอุกห์ เดินทางมายังเมืองพลอฟดิฟ จากเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในเมืองซาโปริซเซีย พร้อมกับลูก ๆ น้องสาว หลานชาย และหลานสาว ในเดือนมิถุนายน หลังได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปรับปรุงอาคารโรงพยาบาล และน้ำใจของคนในชุมชน ตอนนี้เธอช่วยงานประจำวันของศูนย์ ที่นอกเหนือจากการช่วยให้ผู้คนในการหางานแล้ว ชุมชนยังทำหน้าที่เป็นเครือข่ายในการให้ความช่วยเหลืออีกด้วย

“เราพยายามมอบความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเด็ก ๆ ที่นี่ เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับตัว และมันช่วยทำให้รู้สึกว่านี่เป็นครอบครัวใหญ่จริง ๆ ทุกคนให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ และเรารู้สึกได้ว่าเราสามารถพึ่งพากันได้” อาร์ติอุกห์ กล่าว

เรเมน เนดจาลคอฟ วิศวกรเกษียณ เป็นหนึ่งในอาสาสมัครชาวบัลแกเรีย ที่ตัดสินใจมอบความช่วยเหลือ โดยเริ่มจากบริจาคอาหาร และผ้าห่ม รวมไปถึงการแบ่งปันสิ่งที่เขาให้ความสนใจ และชื่นชอบ คือความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับวงจรไฟฟ้า ตอนนี้เขาสอนในชั้นเรียนเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า คาบละ 2 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ให้กับเด็ก ๆ ที่ศูนย์ ในห้องที่เขาจัดไว้เอง

“หากเด็ก ๆ เหล่านี้สามารถเรียนรู้บางสิ่งจากผมได้ และแบ่งปันความรู้นั้นให้กับผู้อื่น มันจะช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้น และหวังว่าในเวลาไม่กี่ชั่วโมงในชั้นเรียน จะทำให้จิตใจของพวกเขาออกห่างจากปัญหาต่าง ๆ ที่พวกเขาอาจกำลังเผชิญ” เนดจาลคอฟ กล่าว หลังสาธิตวิธีการทำงานของเครื่องปั๊มน้ำให้กับกลุ่มนักเรียน

“ผมรู้สึกว่าผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่นี้”

นอกจากปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญที่บ้านเกิด แต่ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ก็ได้พบกับสิ่งที่ช่วยปลอบโยนจิตใจจากน้ำใจของคนในชุมชนแห่งนี้ เช่นเดียวกับ อิกอร์ โปรโครอฟ ศัลยแพทย์เด็ก วัย 61 ปี

โปรโครอฟ หนีจากการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ในเมืองคาร์คิฟ เมื่อไม่นานมานี้ และปัจจุบันพักอยู่ในศูนย์แห่งนี้ เป็นหมอประจำที่นี่

“ผมพักพิงอยู่ในศูนย์แห่งนี้ในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่รู้สึกราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น ผมมักได้รับอาหารโฮมเมดเสมอ” โปรโครอฟ เล่า

“ผู้คนต่างรู้สึกยินดีที่มีหมออยู่ที่นี่ เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน และผมมักต้องอยู่ดูแลผู้ป่วยตลอดคืน” เขาเสริม “ผมรู้สึกขอบคุณที่ได้รับการปลอบโยนจิตใจในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียมากมายเช่นนี้”

บริจาคตอนนี้

Share on Facebook Share on Twitter

 

See also

ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนคลายความเครียดด้วยสุนัขให้กำลังใจชื่อนัวร์

UNHCR: สถานการณ์ยูเครนและความขัดแย้งอื่นๆ ทำให้ยอดผู้คนที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่นพุ่งสูงกว่า 100 ล้านคนเป็นครั้งแรก

ผู้รอดชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่สอง ถูกบังคับให้หนีออกจากบ้านอีกครั้ง ขณะที่สงครามกำลังทำลายประเทศของเธอ

  • เกี่ยวกับ UNHCR
  • การทำงานของเรา
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน
  • ข้อมูลข่าวสารล่าสุด
  • มีส่วนร่วมกับเรา

© UNHCR 2001-2023

  • Terms & Conditions and Privacy Policy
  • Follow