ขณะที่ดวงอาทิตย์ส่องผ่านต้นไม้รอบๆ พื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบบ้านถ้ำหิน ประเทศไทย เอนคาพรูทูดา อายุ 16 ปี เตรียมตัวเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความกระตือรือร้น เขาเข้าร่วมกับกลุ่มอาสาสมัครเยาวชน ทุกคนใส่เสื้อยืดสีชมพูสดใส มารวมตัวกันที่หอประชุมเพื่อเข้าร่วมเรียนรู้การดูแลตัวเองให้ปลอดภัย
ก่อนเวลาเริ่มกิจกรรมเล็กน้อย กาพรูทำการแสดงบนเวทีและเคลื่อนตัวไปรอบๆตามจังหวะเพลงป๊อบ อาสาสมัครคนอื่นรอบๆ พากันปรบมือและส่งเสียงเชียร์ เสียงร้องที่เปี่ยมไปด้วยความสุขดังไปทั่วห้องโถง และให้กำลังใจเขาขณะที่เขากำลังเต้นรำ
กาพรูเคลื่อนไหวไปตามจังหวะอย่างนุ่มนวลและสง่างาม จังหวะเท้าของเขาค่อยๆเคลื่อนไปมา การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งนั้นเต็มไปด้วยความสุขและอิสรภาพที่เขาใฝ่ฝัน แม้จะอยู่ภายในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ แต่ห้องโถงแห่งนี้ก็กลายเป็นพื้นที่ที่โอบล้อมไปด้วยเวทีที่มีความฝันของเขา
ถึงแม้ว่าการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตจะถูกจำกัด แต่กาพรูก็ยังเข้าถึงวัฒนธรรม K-pop ด้วยการฝึกเต้นด้วยตัวเองจากการดูวิดีโอเมื่อมีโอกาส “ผมอยากเป็นนายแบบและนักเต้น” เขากล่าวด้วยดวงตาที่สดใสเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน “มีสิ่งต่างๆ มากมาย
ในโลกที่อยากทำ” แต่ไม่สามารถทำได้ที่นี่ [ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ]” เขาสะท้อนถึงความรู้สึกที่เต็มไปด้วยอุปสรรคที่เขาต้องพบเจอผ่านใบหน้าของเขา
กาพรูเป็นหนึ่งในจำนวนสมาชิกที่ได้รับคัดเลือกจากจำนวน 37 คนของสภาเยาวชนในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านถ้ำหิน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นผ่านการเลือกตั้งระดับโรงเรียนเมื่อต้นปีนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเขาและเพื่อนของเขาออนกู วัย 14 ปี ได้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างกระตือรือร้นในสภาเยาวชนนี้
โครงการสภาเยาวชนเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อริเริ่มกิจกรรมด้านการคุ้มครองเด็ก ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้อาสาสมัครเยาวชนผู้หนีภัยสามารถเป็นผู้นำกิจกรรมที่เสริมสร้างทักษะความเป็นผู้นำและส่งผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนของพวกเขา
มูลนิธิโคเออร์ พันธมิตรของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ดำเนินกิจกรรมทั้งหมดครอบคลุม 9 พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ในประเทศไทย กลุ่มอาสาสมัครเยาวชนชายและหญิงที่ผ่านการฝึกอบรมกว่า 380 คนในสภาเยาวชน
ได้ทำงานร่วมกันในสามโครงการสำคัญ โดยเข้าถึงเด็กและเยาวชนกว่า 4,000 คนผ่านการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้สารเสพติด ความพยายามเพื่อป้องกันการแต่งงานในวัยเด็ก และการป้องกันตนเองสำหรับเด็กเล็ก
ทุกสองสัปดาห์ ออนกูและกาพรูจะไปเยี่ยมผู้หนีภัยสูงอายุที่อาศัยอยู่ลำพังร่วมกับเพื่อนๆ โดยจะมีการช่วยทำความสะอาด และในบางวันพวกเขาจะรวมตัวกันเก็บขยะในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ จัดเวลารณรงค์ให้เด็กเล็กตระหนักรู้ถึงการป้องกันตนเอง หรือจัดกิจกรรมเล่นกีฬา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างจิตวิญญาณแห่งชุมชน
“ก่อนจะร่วมโครงการสภาเยาวชน ฉันเคยเป็นคนขี้อายมากๆ ฉันไม่เคยคุยกับคนแปลกหน้า” ออนกูเล่าด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ฉันรู้สึกมั่นใจและมีความรู้มากขึ้น และฉันได้ช่วยเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เป็นเหมือนฉันให้กล้าแสดงความคิดเห็นออกมา”
สำหรับกาพรู การได้เข้าร่วมโครงการสภาเยาวชนนั้นทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป “โครงการนี้ช่วยให้ผมเติบโตขึ้นและเข้าใจถึงผลที่ตามมาจากการกระทำที่ไม่ดี” เขากล่าวพร้อมสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่กิจกรรมเหล่านี้มอบให้กับตัวเขาและเพื่อนๆ
พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านถ้ำหิน คือบ้านของผู้หนีภัยมากกว่า 4,900 คนที่อพยพมาจากเมียนมา กว่าร้อยละ 38 เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 17 ปี เด็กส่วนใหญ่รวมทั้งกาพรูและออนกูเกิดและเติบโตในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ และหลายคนไม่เคยก้าวออกนอกเขตของพื้นที่เลย ความเข้าใจถึงโลกภายนอกของพวกเขาถูกจำกัดด้วยจินตนาการ ที่เต็มไปด้วยความฝันที่นึกถึงสิ่งต่างๆที่อยู่ด้านนอกพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ
ผ่านสภาเยาวชน กาพรูและออนกูมุ่งมั่นที่จะทะลายต่อทัศนคติเดิมๆ ที่มีต่อผู้หนีภัย “เราต้องการให้โลกเห็นว่าผู้ลหนีภัยอย่างพวกเราคือคนที่มีความสามารถ” กาพรูกล่าว “โลกนี้มีสิ่งที่น่าค้นหา น่าสำรวจ และมีโอกาสมากมาย เราต้องการเป็นอิสระและมีสิทธิเท่าเทียมกับผู้อื่น” ออนกู กล่าวเสริม
ที่ปลายแขนของเขา กาพรูมีร่างรอยสักที่เขาออกแบบเอง ซึ่งแสดงถึงความฝันและตัวตนของเขาได้อย่างชัดเจน อักษร L-O-V-E ทอดยาวไปตามนิ้วของเขา ในขณะที่ลวดหนามและเขาควายพันกันเป็นลวดลายที่คล้ายกับปีกนกยูงที่พลิ้วไหว “นี่คือวิธีแสดงออกถึงตัวตนของผม” เขากล่าวขณะจ้องมองหมึกบนแขนที่เป็นสัญลักษณ์ของความหลงใหลและความอดทนของเขา “ผมชอบเต้นรำ ผมเคยชนะการแข่งขันด้วยซ้ำ เมื่อผมเต้นรำ ผมสามารถลืมสิ่งท้าทายรอบตัวและทำให้ผมรู้สึกเป็นอิสระ”
นอกจากการเต้นรำ กาพรูยังชอบเล่นฟุตบอลและวอลเลย์บอลกับเพื่อนของเขา เขาชอบเขียนบทกวีและเพลงที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์และความฝันของเขา ออนกูสนุกสนานกับการแต่งหน้าและร้องเพลง แต่ก็ยังมีความฝันที่จะเป็นหมอหากได้รับโอกาสทางการศึกษาที่ดี “เรามีหลายสิ่งมากมายที่จะมอบให้ และเราพร้อมที่จะแบ่งปันสิ่งเหล่านี้กับคนทั่วโลก” ทั้งสองคนกล่าว ซึ่งสะท้อนถึงความบากลำบากและความคิดสร้างสรรค์ที่เบ่งบานแม้จะมีข้อจำกัดในพื้นที่แห่งนี้
Share on Facebook Share on Twitter