ประเทศไทยแก้ไขสถานะทางกฎหมายให้แก่บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติแล้วกว่า 100,000 ราย
ประเทศไทยแก้ไขสถานะทางกฎหมายให้แก่บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติแล้วกว่า 100,000 ราย
UNHCR สนับสนุนด้านเทคนิคและอุปกรณ์ไอทีให้แก่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสหภาพยุโรป เพื่อช่วยดำเนินงานด้านการทะเบียนราษฎรและสัญชาติ
กรุงเทพฯ, 19 ธันวาคม 2568 – สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ(UNHCR) ชื่นชมรัฐบาลไทยสำหรับความคืบหน้าครั้งสำคัญจากการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติเกือบครึ่งล้านคนในประเทศไทย
นับตั้งแต่ประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้แก้ไขปัญหาให้แก่บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติแล้วเป็นจำนวนกว่า 100,000 ราย โดยส่วนใหญ่ได้รับสถานะต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย (ถิ่นที่อยู่ถาวร) และกว่า12,000 ราย ได้รับสัญชาติไทย
ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากรไร้รัฐไร้สัญชาติมากที่สุดในโลก โดยมีจำนวนเกือบ600,000 คน จดทะเบียนเป็นบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติกับทางการก่อนที่จะมีการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 โดยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวได้กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางเพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานานให้ได้รับสถานะต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย (ถิ่นที่อยู่ถาวร) และให้สัญชาติไทยแก่กลุ่มบุตรที่เกิดในประเทศไทย
“การดำเนินการที่มุ่งมั่นและชัดเจนของประเทศไทยในการแก้ไขภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนและเป็นแบบอย่างอันทรงพลังสำหรับภูมิภาคนี้” แทมมี่ แอล. ชาร์ป ผู้แทน UNHCR ประจำประเทศไทย กล่าว “การที่รัฐบาลไทยมอบสถานะทางกฎหมายและสัญชาติให้แก่บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติกว่าแสนคนนั้น ไม่เพียงแต่แสดงว่ารัฐบาลไทยยึดมั่นในสิทธิมนุษยชน แต่ยังส่งเสริมความสามัคคีและความมั่นคงทางสังคมอีกด้วย UNHCR ยืนยันถึงความพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินการนี้ต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”
UNHCR รับทราบและชื่นชมถึงความพยายามของรัฐบาลไทยในการรักษาความเป็นธรรมและความโปร่งใสในทุกขั้นตอนของการดำเนินการ รวมถึงมาตรการล่าสุดเพื่อปราบปรามขบวนการทุจริตและปกป้องกลุ่มคนที่เปราะบางและเสี่ยงต่อการแสวงหาประโยชน์ มาตรการที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ เช่น ปฏิบัติการ “ตัดหมอกเวียงแหง” แสดงถึงความมุ่งมั่นในการรับประกันการเข้าถึงกระบวนการแก้ไขสถานะทางกฎหมายอย่างเท่าเทียมและโปร่งใส
ความเป็นผู้นำของประเทศไทยได้รับการยืนยันและเป็นที่ประจักษ์จากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของพันธมิตรสากลเพื่อยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ (Global Alliance to End Statelessness)ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับโลกที่มุ่งแก้ไขภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติภายในปี พ.ศ. 2573 และUNHCR ยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนรัฐบาลไทยในการให้คุ้มครองและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติทั่วประเทศ ทั้งนี้ การสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (European Union) มีความสำคัญอย่างยิ่ง ทำให้ UNHCR สามารถให้การสนับสนุนทางด้านเทคนิครวมทั้งจัดหาอุปกรณ์ เพื่อช่วยให้รัฐบาลขยายการดำเนินการไปยังกลุ่มประชากรไร้รัฐไร้สัญชาติส่วนหนึ่งที่อยู่ในภาวะเปราะบางที่สุดและอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่สุดได้