Close sites icon close

เว็บไซต์ของแต่ละประเทศ

Search form

ค้นหาในเว็บไซต์ของประเทศ

ข้อมูลประเทศ

เว็บไซต์ของแต่ละประเทศ

หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ UNHCR ชื่นชมประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนผู้ลี้ภัยและบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ และสนับสนุนให้มีนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

UNHCR
ข่าวประชาสัมพันธ์

หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ UNHCR ชื่นชมประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนผู้ลี้ภัยและบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ และสนับสนุนให้มีนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

23 มิถุนายน 2025 Also available in:

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 22 มิถุนายน 2568 – นายราอูฟ มาซู (Raouf Mazou) ผู้ช่วยข้าหลวงใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการแห่ง สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR ได้เสร็จสิ้นภารกิจ 4 วัน ในการเยือนประเทศไทย ในการนี้ ได้แสดงความชื่นชมต่อรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนผู้ลี้ภัยมาอย่างยาวนาน และความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีความคืบหน้าเพิ่มเติมในการออกแบบนโยบายที่ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของผู้ลี้ภัยและแนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน

ในช่วงเวลาที่โลกเผชิญกับความไม่แน่นอนและแรงกดดันต่อระบบลี้ภัย นายมาซู ได้กล่าวชื่นชมบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของประเทศไทย และสนับสนุนให้ประเทศยังคงเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ

ในระหว่างการเยือน นายมาซูได้พบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศไทย คณะทูต และองค์กรพันธมิตรต่าง ๆ เขาได้เข้าร่วมกิจกรรมวันผู้ลี้ภัยโลกที่กรุงเทพฯ และกล่าวเปิดงานเทศกาลอาหารผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองการมีส่วนร่วมของผู้ลี้ภัยผ่านกลไกวัฒนธรรมและอาหาร

ที่จังหวัดตาก เขาได้เยี่ยมเยือนศูนย์พักพิงชั่วคราวแม่หละ ซึ่งถือเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีผู้ลี้ภัยกว่า 29,000 คน โดยเขาได้พบกับผู้นำกลุ่มผู้ลี้ภัย ครอบครัวผู้พลัดถิ่น และเยาวชน รวมถึงนักเรียนผู้ลี้ภัยที่ได้รับทุนการศึกษาเพื่อศึกษาต่อในประเทศออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังได้พบกับมูลนิธิเสริมปัญญา ซึ่งเป็นผู้สร้างภาพยนตร์
ผู้ลี้ภัย ที่ได้นำเสนอให้เห็นถึงทักษะและความคิดสร้างสรรค์เมื่อพวกเขาได้รับโอกาส

“ประเทศไทยได้ให้การคุ้มครองแก่ผู้ที่หลบหนีจากความขัดแย้งมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ แสดงให้เห็นถึงความเมตตา ความเป็นผู้นำ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” นายมาซูกล่าว พร้อมทั้งสนับสนุนให้ทางการไทยพัฒนานโยบายที่เปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยมีส่วนร่วมในสังคมอย่างมีความหมาย ผ่านการเข้าถึงการศึกษา การจ้างงานอย่างถูกกฎหมาย และบริการสาธารณะ

“ผู้ลี้ภัยไม่ใช่เพียงผู้รับความคุ้มครองเท่านั้น แต่ยังเป็นบุคคลที่มีทักษะ ความสามารถ และความใฝ่ฝัน การสนับสนุนลงทุนในการพึ่งพาตนเองและการรวมกลุ่มของพวกเขาจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศเจ้าภาพทั้งในด้านสังคมและเศรษฐกิจ” เขากล่าว “UNHCR พร้อมสนับสนุนประเทศไทยในการพัฒนากรอบกฎหมายและนโยบายที่สะท้อนวิสัยทัศน์นี้”

ผู้ช่วยข้าหลวงใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการของ UNHCR ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายในเมียนมา ซึ่งยังคงก่อให้เกิดการพลัดถิ่นและความไม่มั่นคงตลอดแนวชายแดน โดยความยืดเยื้อของสถานการณ์ทำให้ผู้ลี้ภัยจำนวนมากต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวเป็นเวลาหลายสิบปี และสำหรับหลายคน ประเทศไทยคือบ้านเพียงแห่งเดียวที่พวกเขาเคยรู้จัก

“ในบริบทเช่นนี้ แนวทางแก้ไขระยะยาวต้องก้าวข้ามความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ที่รวมถึงนโยบายที่ขยายโอกาสการเข้าถึงการศึกษา การพัฒนาทักษะ และช่องทางทางกฎหมายที่ช่วยให้ผู้ลี้ภัยสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีและพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น” เขากล่าว

UNHCR ยังได้ยกย่องความร่วมมืออย่างเข้มแข็งระหว่างรัฐบาลไทย ชุมชนท้องถิ่น และพันธมิตรด้านมนุษยธรรมในการบริหารจัดการกับสถานการณ์ของผู้ลี้ภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นคงในภูมิภาค

นายมาซู ย้ำถึงความมุ่งมั่นของ UNHCR ในการสนับสนุนประเทศไทยในการแสวงหาแนวทางแก้ไขตามกรอบข้อตกลงโลกว่าด้วยผู้ลี้ภัย (Global Compact on Refugees) ซึ่งรวมถึงการส่งตัวกลับโดยสมัครใจ การตั้งถิ่นฐานใหม่ และโอกาสในการเข้าเป็นส่วนหนึ่งในบริบทชุมชนท้องถิ่น