Close sites icon close

เว็บไซต์ของแต่ละประเทศ

Search form

ค้นหาในเว็บไซต์ของประเทศ

ข้อมูลประเทศ

เว็บไซต์ของแต่ละประเทศ

UNHCR ชื่นชมฟิลิปปินส์ที่เข้าร่วมเป็นภาคีของอนุสัญญา 1961 ว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ

ข่าวประชาสัมพันธ์

UNHCR ชื่นชมฟิลิปปินส์ที่เข้าร่วมเป็นภาคีของอนุสัญญา 1961 ว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ

25 มีนาคม 2565 นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของประวัติศาสตร์ในการขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติที่ประเทศฟิลิปปินส์ได้เข้าร่วมเป็นภาคีของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการลดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ ค.ศ. 1961 ซึ่งนับเป็นประเทศที่ 78 UNHCR ชื่นชมในเจตนารมณ์อันแรงกล้าของรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่จะทำให้ทุกคนมีสิทธิในสัญชาติและสถานะทางกฎหมาย ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติกล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับประเทศฟิลิปปินส์ในก้าวสำคัญที่ร่วมเป็นภาคีของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการลดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ ค.ศ. 1961 ซึ่งเป็นการแสดงถึงความตั้งใจในการที่จะปิดช่องว่างที่ทำให้ผู้คน โดยเฉพาะเด็ก ๆ มีความเสี่ยงที่จะไร้รัฐไร้สัญชาติ การทำให้ทุกคนมีสิทธิในสัญชาติเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างโลกที่มีสันติและความมั่นคง” ปัญหาและวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ทำให้เห็นว่าสิทธิในสัญชาตินั้นมีความสำคัญเพียงใด และการได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายสามารถช่วยชีวิตได้ บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติหรือคนที่อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะไร้รัฐไร้สัญชาติอาจถูกกีดกันการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและบริการที่จำเป็น รวมทั้งด้านสุขภาพ การศึกษาและความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและสังคม รายงานของ UNHCR ระบุว่าจำนวนบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติมีอยู่ราว 4.2 ล้านคนใน 94 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งฟิลิปปินส์ แต่เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ไม่มีการเก็บข้อมูลด้านไร้รัฐไร้สัญชาติ ทำให้เชื่อได้ว่าจำนวนที่แท้จริงของคนที่ไร้รัฐไร้สัญชาติมีมากกว่านั้น อนุสัญญา 1961 นี้ได้ให้แนวทางดำเนินการเพื่อป้องกันการเกิดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติตั้งแต่แรกเกิดและในช่วงอื่น ๆ ของชีวิต และที่สำคัญอนุสัญญาฉบับนี้อนุญาตให้เด็ก ๆ ถือสัญชาติของประเทศที่พวกเขาเกิดได้ หากไม่สามารถถือสัญชาติของประเทศอื่น ประเทศฟิลิปปินส์ยังคงเป็นประเทศแรกและเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่เป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ ค.ศ. 1954 อีกด้วย ความหวังในขณะนี้คือประเทศอื่น ๆ จะดำเนินรอยตาม
28 มีนาคม 2022 Also available in:

หากไม่มีมีเอกสารจดทะเบียนการเกิด เด็กกำพร้าเช่นรามิล เฟริโน (กลาง) อายุ 37 ปี จะไม่สามารถแต่งงานกับจอย วัย 30 ปี คู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมานานและมีลูกชายชื่อแรมเฟล วัย 10 ปี ด้วยกัน © UNHCR/Roger Arnold

25 มีนาคม 2565

นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของประวัติศาสตร์ในการขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติที่ประเทศฟิลิปปินส์ได้เข้าร่วมเป็นภาคีของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการลดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ ค.ศ. 1961 ซึ่งนับเป็นประเทศที่ 78

UNHCR ชื่นชมในเจตนารมณ์อันแรงกล้าของรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่จะทำให้ทุกคนมีสิทธิในสัญชาติและสถานะทางกฎหมาย

ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติกล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับประเทศฟิลิปปินส์ในก้าวสำคัญที่ร่วมเป็นภาคีของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการลดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ ค.ศ. 1961 ซึ่งเป็นการแสดงถึงความตั้งใจในการที่จะปิดช่องว่างที่ทำให้ผู้คน โดยเฉพาะเด็ก ๆ มีความเสี่ยงที่จะไร้รัฐไร้สัญชาติ การทำให้ทุกคนมีสิทธิในสัญชาติเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างโลกที่มีสันติและความมั่นคง”

ปัญหาและวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ทำให้เห็นว่าสิทธิในสัญชาตินั้นมีความสำคัญเพียงใด และการได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายสามารถช่วยชีวิตได้ บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติหรือคนที่อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะไร้รัฐไร้สัญชาติอาจถูกกีดกันการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและบริการที่จำเป็น รวมทั้งด้านสุขภาพ การศึกษาและความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและสังคม

รายงานของ UNHCR ระบุว่าจำนวนบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติมีอยู่ราว 4.2 ล้านคนใน 94 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งฟิลิปปินส์ แต่เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ไม่มีการเก็บข้อมูลด้านไร้รัฐไร้สัญชาติ ทำให้เชื่อได้ว่าจำนวนที่แท้จริงของคนที่ไร้รัฐไร้สัญชาติมีมากกว่านั้น

อนุสัญญา 1961 นี้ได้ให้แนวทางดำเนินการเพื่อป้องกันการเกิดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติตั้งแต่แรกเกิดและในช่วงอื่น ๆ ของชีวิต และที่สำคัญอนุสัญญาฉบับนี้อนุญาตให้เด็ก ๆ ถือสัญชาติของประเทศที่พวกเขาเกิดได้ หากไม่สามารถถือสัญชาติของประเทศอื่น

ประเทศฟิลิปปินส์ยังคงเป็นประเทศแรกและเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่เป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ ค.ศ. 1954 อีกด้วย ความหวังในขณะนี้คือประเทศอื่น ๆ จะดำเนินรอยตาม