UNHCR logo
  • บริจาค
  • ลงชื่อติดตามและสนับสนุนการทำงาน
UNHCR logo
  • Search
  • Thailand
  • Menu

Select a language for this section:

English ไทย

Select a language for our global site:

English Français Español عربي
Select a country site:
  • บริจาค
  • ลงชื่อติดตามและสนับสนุนการทำงาน
  • Media Centre
  • ติดต่อเรา

Share

Facebook Twitter
  • เกี่ยวกับ UNHCR
    • UNHCR ในประเทศไทย
    • อนุสัญญาปี ค.ศ.1951 ว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย
    • กลุ่มคนที่เราช่วยเหลือ
    • สถิติของ UNHCR ที่น่าสนใจ
    • ผู้สนับสนุนที่มีชื่อเสียง
  • การทำงานของเรา
    • การมอบความคุ้มครอง
    • ทางออกที่ยั่งยืน
    • การมอบความช่วยเหลือขั้นพื้นฐานและปัจจัยสี่
    • การศึกษา
    • สิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    • ความร่วมมือภาคเอกชน
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน
    • การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
    • วิกฤตการณ์ซีเรีย
    • สถานการณ์เมียนมา
    • วิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา
    • วิกฤตการณ์เยเมน
    • วิกฤตการณ์ซูดานใต้
    • วิกฤตการณ์เวเนซุเอลา
    • วิกฤตการณ์ชาด
    • วิกฤตการณ์เอธิโอเปีย
    • วิกฤตการณ์ในอัฟกานิสถาน
  • ข้อมูลข่าวสารล่าสุด
    • ข่าวประชาสัมพันธ์
    • เรื่องราว
    • จดหมายข่าว
    • รายงานประจำปี
  • มีส่วนร่วมกับเรา
    • บริจาคออนไลน์
    • บริจาคผ่านพนักงานโดยตรง
    • บริจาคผ่านพนักงานทางโทรศัพท์
    • กิจกรรม
    • ผู้บริจาคของเรา : ครอบครัวผู้บริจาค UNHCR
    • ความร่วมมือจากบริษัท มูลนิธิ และองค์กรต่างๆ
    • กองทุนนักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่เพื่อผู้ลี้ภัย
    • ผู้สนับสนุนพื้นที่สื่อสารองค์กรของ UNHCR
    • ลงชื่อสนับสนุน
    • ร่วมงานกับเรา
Search UNHCR
Close Search
 
  • Home

อาสาสมัครชุมชนช่วยเหลือคนไร้รัฐไร้สัญชาติในหมู่บ้านของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ในการยื่นขอสัญชาติ

อาสาสมัครชุมชนช่วยเหลือคนไร้รัฐไร้สัญชาติในหมู่บ้านของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ในการยื่นขอสัญชาติ

4 พ.ย. 2022

©UNHCR/Rachaphon Riansiri

เรื่องโดย อภิภา นรภูมิพิภัชน์
แปลโดย นันทนีย์ เจษฎาชัยยุทธ์

จ. เชียงใหม่ ประเทศไทย – ท่ามกลางภูเขาอันเขียวขจีที่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่อันวุ่นวายในภาคเหนือของประเทศไทยมาประมาณ 60 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์อาข่าและลีซู ที่ซึ่ง มีเปีย เชอหมือ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่แน่นอนมามากกว่า 30 ปี

แม่ของเธอถือสัญชาติไทย ในขณะที่พ่อเป็นคนไร้รัฐไร้สัญชาติ มีเปียถูกทอดทิ้งตั้งแต่ยังแบเบาะและไม่เคยได้รับการจดทะเบียนการเกิด ทำให้เธอไม่มีสถานะทางกฎหมายใดๆ ในประเทศที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเธอเอง มีเปียได้รับการเลี้ยงดูจากย่าและลุง ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ไร้รัฐไร้สัญชาติ

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรไร้รัฐไร้สัญชาติที่ขึ้นทะเบียนแล้วมากกว่าครึ่งล้าน ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่มากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก เกือบหนึ่งในสี่อยู่ใน จ. เชียงใหม่ ประชากรไร้รัฐไร้สัญชาติส่วนมากเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงตามแนวชายแดน การที่ได้ขึ้นทะเบียนทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงการศึกษา สามารถทำงาน และได้รับการบริการทางสุขภาพในระดับหนึ่ง แต่อิสระในการเดินทางนั้นยังถูกจำกัดอยู่เพียงแค่เขตจังหวัดเท่านั้น อย่างไรก็ตามยังมีคนไร้รัฐไร้สัญชาติที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอยู่อีกเช่นกัน โดยไม่อาจทราบจำนวนที่แน่ชัดได้ ดังเช่น มีเปีย การที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนทำให้ต้องเผชิญอุปสรรคมากขึ้นไปอีกในการที่จะเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น  การศึกษา การทำงาน และการที่จะได้รับการบริการทางสุขภาพ

มีเปียจำเป็นต้องออกจากโรงเรียนหลังจากเรียนจบชั้น ป.2 และต้องรับจ้างทำไร่ทำนา ซึ่งเธอได้รับค่าแรงสูงสุดเพียงแค่ 100 บาทต่อวัน เมื่อไรก็ตามที่ต้องออกไปนอกหมู่บ้านเธอจะรู้สึกกลัวมาก หลังจากที่เคยถูกตำรวจจับและต้องเสียค่าปรับ เนื่องจากเธอไม่มีบัตรประจำตัว การที่สามีของเธอซึ่งก็เคยเป็นคนไร้รัฐไร้สัญชาติมาก่อน แต่ภายหลังได้รับสัญชาติ ทำให้ลูกได้รับสัญชาติตามพ่อ แต่สำหรับมีเปียเองแล้ว เธอไม่สามารถยื่นขอสัญชาติตามสามีได้

“มันยากที่สุดเลยค่ะ” เธอถอนหายใจ “บางครั้งหนูก็รู้สึกท้อใจ แล้วก็ถามตัวเองว่า ทำไมหนูถึงไม่มีเหมือนคนอื่นเค้า”

ประเทศไทยได้ให้การรับรองโครงการ UNHCR #IBelong เพื่อยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2567 และได้ดำเนินการปฏิรูปกฎหมายสัญชาติและการทะเบียนราษฎรอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดทอนความซับซ้อนในยื่นขอสัญชาติและการเข้าถึงสิทธิด้านต่างๆ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา มีคนไร้รัฐไร้สัญชาติที่ได้รับสัญชาติไทยไปแล้วเป็นจำนวนมากกว่า 1 แสนคน อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ ยังพบว่าขั้นตอนและกระบวนการที่เกี่ยวข้องในการยื่นขอสัญชาติยังคงเข้าถึงยากและมีความซับซ้อน

ความโชคดีเกิดขึ้นกับมีเปีย เมื่อเธออายุ 30 ปี เนื่องจากมีคนในหมู่บ้านเดียวกันได้พบกับแม่ของเธอที่ จ. เชียงราย มีเปียไม่รีรอที่จะติดต่อกับแม่และขอร้องให้แม่ตรวจสารพันธุกรรม (DNA) เพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายโลหิต เพื่อที่เธอจะได้เริ่มต้นกระบวนการยื่นขอสัญชาติ มีเปียรวบรวมเอกสารเท่าที่มีทั้งหมดแล้วเดินทางไปติดต่ออำเภอ ซึ่งห่างออกไป 17 กิโลเมตร การเดินทางนี้นับว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมากสำหรับคนไร้รัฐไร้สัญชาติที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเช่นเธอ

หลังจากที่รอมานาน 3 ปี คำร้องของเธอไม่ได้รับการพิจารณา และเธอถูกบอกให้ไปเริ่มกระบวนการทั้งหมดใหม่ในจังหวัดที่แม่อาศัยอยู่ ซึ่งห่างออกไปกว่าร้อยกิโลเมตร

เรื่องราวของมีเปียเป็นที่รู้กันไปทั่วหมู่บ้านจนไปเข้าหูของ หมี่ฝ่า อะซอง อาสาสมัครชุมชนของเครือข่ายอาสาชุมชนเพื่อคนไร้รัฐไร้สัญชาติและมูลนิธิพันธกิจลอว์ 2 องค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานในแนวทางเดียวกันกับ  UNHCR เพื่อช่วยเหลือคนไร้รัฐไร้สัญชาติในกระบวนการยื่นขอสัญชาติและสถานะบุคคล

“หนูเป็นคนไม่มีความรู้ค่ะ หนูรู้แค่ว่าเอกสารบางอย่างคืออะไร แต่หนูไม่เข้าใจ 100 เปอร์เซ็นต์” มีเปียกล่าว “พี่หมี่ฝ่าบอกหนูว่า องค์กรของพี่เค้าสามารถช่วยหนูได้”

หมี่ฝ่าเคยเป็นคนไร้รัฐไร้สัญชาติมาก่อน เธอเข้าใจถึงความยากลำบากที่มีเปียต้องเผชิญเป็นอย่างดี หมี่ฝ่าเป็นหนึ่งในอาสาสมัครชุมชนจำนวนประมาณ 20-30 คนที่อยู่ในหมู่บ้านชนเผ่าใน 5 อำเภอของ จ. เชียงใหม่ พวกเขาเป็นฮีโร่ที่ไม่มีใครรู้จักที่ทำงานเพื่อช่วยยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติในประเทศไทย พวกเขาเป็นอดีตคนไร้รัฐไร้สัญชาติที่ได้รับการคัดเลือกจากคนในหมู่บ้าน และผ่านการอบรมเรื่องกฎหมายสัญชาติ วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล รวมถึงวิธีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่อำเภอ จากเครือข่ายอาสาชุมชนเพื่อคนไร้รัฐไร้สัญชาติและมูลนิธิพันธกิจลอว์

หมี่ฝ่าช่วยมีเปียในการวบรวมหลักฐานและเอกสารต่างๆ และเดินทางไปยังอำเภอด้วยกัน

“พี่หมี่ฝ่าบอกให้หนูพาแม่ไปด้วย หนูก็เลยโทรบอกแม่ให้มา” มีเปียทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น “วันนั้นพี่หมี่ฝ่าขอให้ผู้ใหญ่จากหมู่บ้านของหนูไปด้วย แล้วก็มีอาสาคนอื่นๆ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่จากกรมการปกครอง และในวันนั้นหนูก็ได้ขึ้นทะเบียน”

ในที่สุดมีเปียก็ได้รับสัญชาติไทยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อเธอมีอายุครบ 34 ปี

“วันที่หนูได้ถือบัตรประชาชนไทยในมือ หนูรู้สึกดีใจและโล่งใจมากที่สุดเลยค่ะ แม้ว่าหนูจะไม่มีเงินเหมือนคนอื่นเค้า แต่ตอนนี้หนูมีสิทธิเท่ากันกับเค้าแล้ว หนูไม่ต้องอยู่ในความกลัวอีกแล้ว” มีเปียกล่าว

“การหางานทำของหนูก็คือว่า แถวนี้มีโรงแรม มีรีสอร์ตเยอะมากที่หนูสามารถสมัครงานได้ เมื่อก่อนตอนที่หนูยังไม่มีสัญชาติ หนูพยายามสมัครแต่เค้าไม่รับเลย เพราะว่าหนูไม่มีบัตรประชาชน แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูราบรื่นมากเลยค่ะ แล้วหนูก็รู้สึกมั่นใจมากกว่าเมื่อก่อนด้วย”

หมี่ฝ่าพูดถึงการที่เธอได้ช่วยเหลือคนอื่นในหมู่บ้านให้ได้รับสัญชาติว่า เป็นเหมือน “พร” ที่เธอได้รับ

“หนูรู้สึกมีความสุขที่ช่วยให้เค้ามีชีวิตใหม่ ได้ทำงานดีๆ ได้มีประกันสุขภาพ” หมี่ฝ่ากล่าว “หนูอยากจะให้คนในหมู่บ้านที่ยังไร้รัฐไร้สัญชาติได้รู้ถึงความสำคัญของสิทธิที่เค้าควรจะได้รับ”

Share on Facebook Share on Twitter

 

See also

UNHCR ชื่นชมไลบีเรียที่ยกเลิกการเลือกปฏิบัติทางเพศในกฎหมายสัญชาติ

UNHCR ชื่นชมฟิลิปปินส์ที่เข้าร่วมเป็นภาคีของอนุสัญญา 1961 ว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ

UNHCR สนับสนุนความพยายามในการให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากเมียนมาที่เดินทางมาถึงประเทศไทยและเน้นย้ำถึงความต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการมอบความคุ้มครอง

  • เกี่ยวกับ UNHCR
  • การทำงานของเรา
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน
  • ข้อมูลข่าวสารล่าสุด
  • มีส่วนร่วมกับเรา

© UNHCR 2001-2023

  • Terms & Conditions and Privacy Policy
  • Follow