บทเรียนก้าวใหม่: การศึกษาคือเส้นทางแห่งความหวัง
บทเรียนก้าวใหม่: การศึกษาคือเส้นทางแห่งความหวัง
The person in the image Naw Dah Dah Moo / Naw Laura Htway / Sen Nu Pan Kareng / Naw Eh Klar Paw.
ในวัย 22 ปี ดา ดา มู กำลังเผชิญหน้ากับบทบาทใหม่ เธอเป็นหนึ่งในนักเรียนผู้ลี้ภัยเพียง 20 คนในภูมิภาคนี้ที่ได้รับทุนการศึกษา Refugee Student Settlement Pathway เพื่อไปศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น การเดินทางของดา ดา ดา มู ไม่ใช่เป็นเพียงความสำเร็จในชีวิตของเธอเท่านั้น หากยังสะท้อนถึงความหวังของทั้งชุมชนที่ปรารถนาสร้างอนาคตทางการศึกษา มิใช่การรอคอยอย่างไร้จุดหมาย
โดย เลสลี โลธา
ตั้งแต่เติบโตในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ ไปจนถึงความหวังของโอกาสในรั้วมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลีย การเดินทางของดา ดา ดา มู ถูกสร้างขึ้นด้วยความมุ่งมั่นอย่างเงียบๆ เมื่ออายุเพียงหกขวบ เธอหนีภัยความขัดแย้งในเมียนมา มาลี้ภัยที่พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละพร้อมกับแม่ พี่น้อง และสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ า เธอเล่าความทรงจำของเธอว่า “ในประเทศเมียนมา เราใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวและไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา” พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯแห่งนี้มอบความปลอดภัยและโอกาสในการเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษากับเธอ
เมื่อถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เธอสำเร็จการศึกษาในระบบการศึกษาในพื้นที่พักพิงฯ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งสำคัญของเธอ เส้นทางนั้นได้พาเธอไปสู่การเป็นหนึ่งในผู้ลี้ภัยเพียงยี่สิบคนในภูมิภาคที่ได้รับเลือกโดยโครงการ Refugee Student Settlement Pathway (RSSP) เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในออสเตรเลีย ขณะนี้เธอกำลังรอวีซ่ามนุษยธรรมและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยที่เธอจะสมัคร “ฉันหวังว่าจะไปถึงภายในสิ้นปีนี้ และวางแผนที่จะศึกษาต่อด้านธุรกิจและผู้ประกอบการ” ดา ดา มู กล่าวด้วยแววตาแห่งความมุ่งมั่น
โครงการ RSSP เป็นโครงการนำร่องที่เปิดรับผู้ลี้ภัยที่ลงทะเบียนกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียภายใต้โครงการRefugee Welcome University Sponsorship Consortium (ARWUSC) และ Community Refugee Sponsorship Australia (CRSA) โครงการนี้บริหารจัดการโดย Skill Path Australia ร่วมกับ Refugee Education Australia โดยให้วีซ่าถาวรด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ลี้ภัยอายุ 18-30 ปี จากประเทศมาเลเซียอินเดีย หรือไทย เป็นเสมือนสายใยแห่งความหวังที่ยื่นออกไปช่วยชีวิตผู้คนที่รอคอยโอกาสใหม่
ความสำเร็จของเธอสะท้อนและงอกงามไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทางของเธอ ได้แก่ ลอ รา ตวัต, นอ เอวา พอ และเซ็ง นู ปาน ผู้ซึ่งต่างก็สมัครร่วมโครงการและยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการคัดเลือก พวกเขาทุกคนต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเพื่อให้ได้เรียนและสำเร็จการศึกษา ปัจจุบันพวกเขาทั้งหมดทำงานและกำลังทุ่มเทแรงใจให้กับองค์กรที่มุ่งช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชนในพื้นที่พักพิงฯ
ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และโอกาสในการสัมผัสโลกภายนอกพื้นที่พักพิงฯที่มีน้อย จึงมีโรงเรียนเพียงไม่กี่แห่งในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯที่เปิดสอนภาษาไทย ส่งผลให้ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ขาดทักษะภาษาไทยที่จำเป็นในการติดต่อสื่อสารกับคนไทย ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผู้ลี้ภัยกับสังคมไทย ภาวะชะงักงันนี้ ก่อให้เกิดความกระวนกระวายภายในซึ่งปรากฎให้เห็นได้อย่างชัดเจน เด็กสาวเหล่านี้ล้วนมีความฝัน มีความทะเยอทะยาน และไม่อยากถูกทิ้งไว้ในความไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าจะได้ออกจากพื้นที่พักพิงฯได้เมื่อใด หรือแม้แต่จะได้ออกไปหรือไม่ พวกเธอไม่อาจหวนคืนกลับสู่ประเทศเมียนมาได้ในเร็ววัน จึงได้แต่ฝากความหวังไว้กับโครงการที่อาจเปิดประตูสู่อนาคตที่ดีกว่า
สำหรับดา ดา มู สิ่งที่นำทางเธอไปข้างหน้ามาโดยตลอดไม่ใช่ความกลัว แต่คือ “ความหวัง” เธอพร้อมที่จะก้าวขึ้นเครื่องบินมุ่งหน้าสู่ประเทศออสเตรเลีย เธอไม่ได้เพียงแค่เดินตามความฝันของตนเอง แต่ยังพาเอาความปรารถนาของเด็กทุกคนในพื้นที่พักพิงฯที่ใฝ่ฝันอยากเรียนรู้ โดยไม่หวั่นต่อพรมแดนหรือข้อจำกัดใดๆ