UNHCR logo
  • บริจาค
  • ลงชื่อสนับสนุน
UNHCR logo
  • Search
  • Thailand
  • Menu

Select a language for this section:

English ไทย

Select a language for our global site:

English Français Español عربي
Select a country site:
  • บริจาค
  • ลงชื่อสนับสนุน
  • Media Centre
  • ติดต่อเรา

Share

  • เกี่ยวกับ UNHCR
    • UNHCR ในประเทศไทย
    • อนุสัญญาปี ค.ศ.1951 ว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย
    • กลุ่มคนที่เราช่วยเหลือ
    • สถิติของ UNHCR ที่น่าสนใจ
    • ผู้สนับสนุนที่มีชื่อเสียง
  • การทำงานของเรา
    • การมอบความคุ้มครอง
    • ทางออกที่ยั่งยืน
    • การมอบความช่วยเหลือขั้นพื้นฐานและปัจจัยสี่
    • การศึกษา
    • สิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    • ความร่วมมือภาคเอกชน
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน
    • เหตุระเบิดใหญ่ในประเทศเลบานอน
    • การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
    • วิกฤตการณ์ซีเรีย
    • วิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา
    • วิกฤตการณ์เยเมน
    • วิกฤตการณ์ซูดานใต้
    • วิกฤตการณ์เวเนซุเอลา
    • วิกฤตการณ์ชาด
    • วิกฤตการณ์เอธิโอเปีย
  • ข้อมูลข่าวสารล่าสุด
    • ข่าวประชาสัมพันธ์
    • เรื่องราว
    • จดหมายข่าว
    • รายงานประจำปี
  • มีส่วนร่วมกับเรา
    • บริจาค
    • ผู้บริจาคของเรา : ครอบครัวผู้บริจาค UNHCR
    • ความร่วมมือจากบริษัท มูลนิธิ และองค์กรต่างๆ
    • ผู้สนับสนุนพื้นที่สื่อสารองค์กรของ UNHCR
    • ลงชื่อสนับสนุน
    • ร่วมงานกับเรา
Search UNHCR
Close Search
 
  • Home

เจ้าหน้าที่ หน่วยงานและผู้ลี้ภัยอาสาสมัคร ในประเทศบังคลาเทศ เร่งเข้ารับมือเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญากว่า 45,000 คนที่ไร้ที่พักอาศัย

บทความนี้สรุปจากสิ่งที่โจฮันเนส แวน เดอ คลาว ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศบังคลาเทศ ที่ได้แถลงต่อสื่อมวลชนในวันที่ 23 มีนาคม 2564 ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ เมืองเจนีวา

24 มี.ค. 2021

ภาพขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ในค่ายผู้ลี้ภัยบาลูคาลิ ในเมืองค็อกซ์ บาซาร์ ประเทศบังคลาเทศ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2564 © Courtesy of Rohingya Right Team/MD Arakani

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อการสูญเสียชีวิตและความทุกข์ทรมานครั้งใหญ่จากเหตุเพลิงไม้ในค่ายผู้ลี้ภัยกูตูปาลอง เมืองคอกซ์บาซา เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564

จากรายงานเบื้องต้นเมื่อเช้าวันที่ 23 มีนาคม 2564 ผู้ลี้ภัยที่สูญเสียชีวิตในกองเพลิงมีจำนวน 15 คน บาดเจ็บอีกมากกว่า 560 คน และสูญหายอีกประมาณ 400 คน

เพื่อสนับสนุนการรับมือต่อสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลของบังคลาเทศ UNHCR ประสานงานร่วมกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) หน่วยงานอื่นๆ ขององค์การสหประชาชาติ และองค์กรพัฒนาเอกชนที่เป็นพันธมิตร รวมถึงผู้ลี้ภัยอาสาสมัคร เร่งจัดหาความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและมอบความคุ้มครองแก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญากว่า 45,000 คน ที่สูญเสียที่พักอาศัยและข้าวของเครื่องใช้จากเหตุเพลิงไหม้

จากการประมาณการ ที่พักอาศัยอย่างน้อย 10,000 หลัง ถูกเพลิงไหม้และได้รับความเสียหาย แต่คาดว่าตัวเลขจะเพิ่มสูงขึ้นในวันข้างหน้า หลังการเข้าประเมินเพิ่มเติม ผู้ลี้ภัยที่ต้องโยกย้ายที่พักได้เข้าอาศัยในที่พักพิงชั่วคราวในชุมชนภายในค่ายแล้ว

ในขณะที่ยังไม่ทราบจำนวนผู้ลี้ภัยที่ได้รับบาดเจ็บจากเพลิงไหม้ที่แน่นอน UNHCR ได้มอบเวชภัณฑ์ผ่านคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ถูกไฟไหม้ รวมถึงการช่วยเหลือฉุกเฉินด้านการเยียวยาจิตใจ อาสาสมัครด้านสาธารณสุขจากชุมชนผู้ลี้ภัยกำลังช่วยส่งตัวผู้ลี้ภัยที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนไปยังหน่วยให้บริการที่จำเป็นในด้านต่างๆ

ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญายังเป็นศูนย์กลางของการทำงานตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้ และเราอยู่ในพื้นที่ทันทีตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ UNHCR กำลังเตรียมความพร้อมในการออกเอกสารทางการใหม่แก่ผู้ที่สูญเสียเอกสารไปจากเหตุเพลิงไหม้

UNHCR ได้ส่งมอบผ้าห่ม 3,000 ผืน, ตะเกียงพลังงานแสงอาทิตย์ 14,500 ดวง, ชุดอุปกรณ์ประกอบอาหาร 10,400 ชุด และมุ้งกันยุง 11,500 หลังเรียบร้อยแล้ว เรายังทำงานร่วมกับองค์การอ็อกแฟม (Oxfam) เพื่อมอบน้ำสะอาดฉุกเฉินและความช่วยเหลือด้านสุขอนามัย รวมถึงการสร้างห้องน้ำฉุกเฉิน 20 ห้อง, จุดจ่ายน้ำสะอาด, ถังเก็บน้ำ, ถังน้ำเอนกประสงค์ และเม็ดทำน้ำสะอาด โดยในจุดที่ผู้ลี้ภัยได้ย้ายไปรวมตัวกันอยู่นั้นได้รับการแจกจ่ายน้ำสะอาดจากถังเก็บน้ำเป็นจำนวน 4 ถัง

ด้วยระบบเสียงตอบรับอัตโนมัติของ UNHCR ทำให้เราสามารถโทรหาครอบครัวผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในบริเวณค่ายที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้ถึงประมาณร้อยละ 70 นอกจากนี้ทีมงานของ UNHCR กำลังตรวจสอบความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยของที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัยที่ต้องโยกย้ายที่พักอาศัยและให้แน่ใจว่าการช่วยเหลือนั้นเพียงพอต่อความต้องการที่เร่งด่วน รวมถึงสำหรับเด็กที่ไม่มีผู้ปกครองและเด็กที่พลัดหลงจากครอบครัวด้วยเช่นกัน

ค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองค็อกซ์ บาซาร์ เป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญามากกว่า 870,000 คน โดยส่วนใหญ่หรือราว 720,000 คน เดินทางเข้ามาในพ.ศ. 2560 จากเหตุการณ์ความรุนแรงในรัฐยะไข่ของประเทศเมียนมา

ในพ.ศ. 2564 UNHCR ต้องการงบประมาณ 9,146 ล้านบาท (294.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา แต่ในปัจจุบันเรามีงบประมาณเพียงร้อยละ 16 ของงบประมาณทั้งหมดที่ต้องการ ความรุนแรงและความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการที่จำเป็นนั้นเร่งด่วนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังขยายการใช้ทรัพยากรที่เดิมทีมีอยู่อย่างจำกัดมากขึ้นอีก UNHCR จึงเปิดระดมทุนการช่วยเหลือจากรัฐบาลและผู้บริจาคภาคเอกชนอย่างด่วนที่สุด การสนับสนุนอย่างทันถ่วงทีจากทุกฝ่ายมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและช่วยให้ UNHCR สามารถขยายความคุ้มครองแก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาและชุมชนที่ให้ที่พักพิงในสถานการณ์นี้ได้

เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตการณ์ ทำให้ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญามีความเปราะบางอีกทวีคูณและต้องการความช่วยเหลือที่จำเป็นอย่างเร่งด่วนที่สุด และเราไม่สามารถทำงานที่สำคัญนี้ได้โดยลำพัง โปรดช่วยพวกเขาตอนนี้ผ่านทาง

  • เว็บไซต์ http://unh.cr/605ac863d6
  • SMS พิมพ์ 99 ส่งมาที่ 4141099 เพื่อบริจาค 99 บาท หรือ
  • บัญชีธนาคาร ไทยพาณิชย์ (SCB)
    ชื่อบัญชี UNHCR SPECIAL ACCOUNT
    บัญชีออมทรัพย์ สาขาอาคารสหประชาชาติ
    เลขบัญชี 004-225859-6

บริษัทหรือองค์กรที่มีความประสงค์ในการบริจาคเพื่อมอบความช่วยเหลือเร่งด่วนหลังสถานการณ์เพลิงไหม้กับ UNHCR สามารถติดต่อได้ที่ [email protected]

#UNHCRThailand #WithRefugees #Rohingya

Share on Facebook Share on Twitter

 

See also

‘ทุกอย่างถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน’

หนึ่งทศวรรษของการสูญเสีย การถูกทำลาย และการพลัดถิ่น จะต้องไม่พรากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเราทีมีต่อชาวซีเรีย

UNHCR เรียกร้องความช่วยเหลือเร่งด่วนแก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่ติดค้างกลางทะเลอันดามัน

  • เกี่ยวกับ UNHCR
  • การทำงานของเรา
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน
  • ข้อมูลข่าวสารล่าสุด
  • มีส่วนร่วมกับเรา

© UNHCR 2001-2021

  • Terms & Conditions and Privacy Policy
  • Follow