UNHCR logo
  • บริจาค
  • ลงชื่อติดตามและสนับสนุนการทำงาน
UNHCR logo
  • Search
  • Thailand
  • Menu

Select a language for this section:

English ไทย

Select a language for our global site:

English Français Español عربي
Select a country site:
  • บริจาค
  • ลงชื่อติดตามและสนับสนุนการทำงาน
  • Media Centre
  • ติดต่อเรา

Share

Facebook Twitter
  • เกี่ยวกับ UNHCR
    • UNHCR ในประเทศไทย
    • อนุสัญญาปี ค.ศ.1951 ว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย
    • กลุ่มคนที่เราช่วยเหลือ
    • สถิติของ UNHCR ที่น่าสนใจ
    • ผู้สนับสนุนที่มีชื่อเสียง
  • การทำงานของเรา
    • การมอบความคุ้มครอง
    • ทางออกที่ยั่งยืน
    • การมอบความช่วยเหลือขั้นพื้นฐานและปัจจัยสี่
    • การศึกษา
    • สิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    • ความร่วมมือภาคเอกชน
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน
    • การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
    • วิกฤตการณ์ซีเรีย
    • สถานการณ์เมียนมา
    • วิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา
    • วิกฤตการณ์เยเมน
    • วิกฤตการณ์ซูดานใต้
    • วิกฤตการณ์เวเนซุเอลา
    • วิกฤตการณ์ชาด
    • วิกฤตการณ์เอธิโอเปีย
    • วิกฤตการณ์ในอัฟกานิสถาน
  • ข้อมูลข่าวสารล่าสุด
    • ข่าวประชาสัมพันธ์
    • เรื่องราว
    • จดหมายข่าว
    • รายงานประจำปี
  • มีส่วนร่วมกับเรา
    • บริจาคออนไลน์
    • บริจาคผ่านพนักงานโดยตรง
    • บริจาคผ่านพนักงานทางโทรศัพท์
    • กิจกรรม
    • ผู้บริจาคของเรา : ครอบครัวผู้บริจาค UNHCR
    • ความร่วมมือจากบริษัท มูลนิธิ และองค์กรต่างๆ
    • กองทุนนักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่เพื่อผู้ลี้ภัย
    • ผู้สนับสนุนพื้นที่สื่อสารองค์กรของ UNHCR
    • ลงชื่อสนับสนุน
    • ร่วมงานกับเรา
Search UNHCR
Close Search
 
  • Home

ผู้พลัดถิ่นในประเทศโมซัมบิกร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับตัวในวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ด้วยความช่วยเหลือของ UNHCR ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลน กำลังสร้างบ้านใหม่ที่ทนทานต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

© โดโรธี กำลังเตรียมตัวกลับบ้านหลังรดน้ำเสร็จ แต่เงินที่ได้รับจากการขายมันที่เธอปลูก ยังไม่เพียงพอต่อการดูแลลูก ๆ ทั้ง 7 คน © UNHCR/Hélène Caux

By Hélène Caux in Corrane and Maratane, Nampula province, Mozambique   |  23 พ.ย. 2022

“ผมไม่เคยพบเจอ ลม ฝน ที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อนในชีวิต” พาทริซิโอ อัลเบอร์โต เอ็มพอนดา อายุ 56 ปี เล่าถึงเหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลทางจิตใจให้เขาและครอบครัว

วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2565 ไซโคลนกอมเบ ทำให้เกิดแผ่นดินถล่มบนชายฝั่งของประเทศโมซัมบิก ก่อนเคลื่อนตัวเข้าปะทะพื้นที่ สร้างความเสียหายในจังหวัดนามพูลา และแซมเบเซีย ความเร็วลมทวีความรุนแรงขึ้นเป็น 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำลายบ้านเรือน โรงเรียน ถนนหนทาง และสะพาน นอกจากพื้นที่เพาะปลูกยังถูกน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้ที่พักพิงของผู้พลัดถิ่น และผู้ลี้ภัยที่ไม่เข็งแรงเพียงพอไม่สามารถทนทานต่อความรุนแรงของไซโคลนกอมเบได้

หลังคาบ้านของพาทริซิโอ ในคอร์เรน  ที่พักพิงสำหรับผู้พลัดถิ่นภายในประเทศในจังหวัดนามพูลา ถูกพัดตกลงไปในสวน ส่วนกำแพงดินเริ่มแตกและพังทลายลง “อนาสตาเซีย ภรรยาของผม และลูก ๆ ทั้ง 9 คน ของเรา จ้องมองด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น” พาทริซิโอ กล่าว “เราถูกทิ้งอยู่ในพื้นที่เปิด ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที”

เพื่อนบ้านของพาทริซิโอ เสนอที่พักในบ้านของพวกเขา ครอบครัวของพาทริซิโออยู่ที่นั่นหนึ่งสัปดาห์ขณะที่พวกเขากำลังสร้างที่พักพิงชั่วคราวขึ้นใหม่

ที่พักพิงส่วนใหญ่ในที่พักพิงชั่วคราวคอร์เรนสำหรับผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ และที่พักพิงชั่วคราวมาราเทน สำหรับผู้ลี้ภัยที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนามพูลาได้รับความเสียหายในคืนนั้นเช่นเดียวกัน

พาทริซิโอ อัลเบอร์โต เอ็มพอนดา ผสมน้ำกับโคลนเพื่อก่อกำแพงสำหรับบ้านหลังใหม่ในคอร์เรน ที่พักพิงสำหรับผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ © UNHCR/Hélène Caux
อนาตาเซีย คริสเตียโน ภรรยาของพาทริซิโอ ตรวจสอบกำแพงของที่พักพิงหลังใหม่ที่เธอช่วยสร้าง © UNHCR/Hélène Caux
อนาตาเซีย (ผ้าคลุมสีแดง) วัย 32 ปี ยืนอยู่หน้าที่พักพิงหลังใหม่ของครอบครัว ที่พักพิงหลังเก่าของพวกเขาถูกไซโคลนกอมเบ ทำลายเสียหาย © UNHCR/Hélène Caux
เด็กชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนต้นไม้ที่ถูกทำลายจากไซโคลนกอมเบ ในคอร์เรน ที่พักพิงสำหรับผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ ที่นี่เป็นที่พักพิงของผู้พลัดถิ่นราว 7,000 คน ที่หนีจากความรุนแรงในจังหวัดคาโบ เดลกาโด © UNHCR/Hélène Caux
A family rest outside of their new home in Corrane site for displaced persons.  © UNHCR/Hélène Caux

โมซัมบิก เป็นหนึ่งในประเทศที่เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมากที่สุด หลายปีที่ผ่านมา รูปแบบการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในหลายเหตุการณ์ เช่น พายุไซโคลน พายุโซนร้อน น้ำท่วม และภัยแล้ง เกิดขึ้นถี่และรุนแรงมากขึ้น ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ไซโคลนอิดาอี พัดเข้าประเทศโมซัมบิก รวมถึงมาลาวี และซิมบับเว  ตามมาด้วยไซโคลนเคนเน็ต ทำให้ราว 250,000 คน ต้องพลัดถิ่น และ 650 คน เสียชีวิต

ปีนี้ปีเดียวเมื่อรวมพายุโซนร้อนอนา และไซโคลนกอมเบ ทั้งประเทศต้องเผชิญทั้งพายุโซนร้อนและไซโคลนรวมแล้ว 5 ครั้ง โดยมีผู้ได้รับผลกระทบจากไซโคลนกอมเบ เหตุการณ์เดียวมากถึง 736,000 คน

นอกจากผลกระทบร้ายแรงจากภัยพิบัติด้านสภาพอากาศแล้ว โมซัมบิกยังเผชิญกับความขัดแย้งครั้งใหญ่จากกลุ่มติดอาวุธทางตอนเหนือในจังหวัดคาโบ เดลกาโด ซึ่งขณะนี้ได้ขยายพื้นที่ไปยังจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงจังหวัดนามพูลา ความรุนแรงทำให้เกือบ 1 ล้านคน ต้องพลัดถิ่นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560

หมู่บ้านของพาทริซิโอ ในจังหวัดคาโบ เดลกาโด ถูกกลุ่มติดอาวุธโจมตี 3 ครั้ง “สองครั้งแรก เราหนีไปแอบในพุ่มไม้และกลับมาที่บ้านหลังจากที่พวกเขาปล้นทุกอย่างไป” เขาเล่า

ระหว่างการโจมตีครั้งที่สองในเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 หลานของพาทริซิโอ วัย 22 ปี ถูกยิงที่ศีรษะ และลูกสาววัย 24 ปี ถูกลักพาตัว เขาไม่รู้เลยว่าเธออยู่ที่ไหน และยังมีชีวิตอยู่หรือไม่นับตั้งแต่เธอถูกลักพาตัวไป

“ระหว่างการโจมตีครั้งที่สามในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 พวกเขาเผาบ้าน 70 หลัง รวมถึงบ้านของผม และยังตัดหัวคนหลายคน เราไม่มีทางเลือกนอกจากหนีเอาชีวิตรอด จนกระทั่งมาอยู่ที่นี่”

เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย และจิตใจของพาทริซิโอ ไม่นานมานี้เขาและภรรยา ช่วยกันสร้างบ้านหลังใหม่ที่แข็งแรงมากขึ้นให้กับครอบครัว ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่สนับสนุนโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และ Caritas องค์กรพันธมิตร

โครงการนี้ผู้พลัดถิ่นมีส่วนร่วมในการออกแบบ ก่อสร้าง และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ที่พักพิงของพวกเขาเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่รุนแรง พวกเขาเตรียมโคลนสำหรับก่อกำแพง และช่วยคนงานต่อเติมหลังคา การมีส่วนร่วมของผู้พลัดถิ่นทำให้พวกเขารู้สึกว่านี่เป็นบ้านของพวกเขาจริง ๆ  และยังเสริมสร้างทักษะในการก่อสร้าง หรือซ่อมแซมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นอนาคต

“เราสร้างให้มีหลังคายื่นออกมารอบบ้านเพื่อให้ทนทานต่อแรงลมพายุ” อาร์มาโด มาเคฟ เจ้าหน้าที่ด้านที่พักพิงของ UNHCR กล่าว “เราได้ปรับปรุงโครงสร้างของที่พักด้วย”

เขาอธิบายว่าที่พักพิงหลังใหม่ถูกสร้างจากวัสดุที่หาได้ในพื้นที่ เช่น ไม้ และไม้ไผ่ มัดให้แน่นด้วยเชือกจากการนำยางเก่ากลับมาใช้ใหม่ โดยนำแผ่นสังกะสีมาทำเป็นหลังคา จนถึงตอนนี้ที่พักพิงใหม่ในคอร์เรนสร้างเสร็จแล้วราว 300 หลัง และมีแผนสร้างเพิ่มเติมอีก 250 หลังให้เสร็จภายในปลายปีนี้ เราจึงต้องการงบประมาณ และการสนับสนุนเพื่อให้สามารถสร้างที่พักพิงเพิ่มเติมแก่ผู้พลัดถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่รุนแรงได้

โดโรธี รดน้ำแปลงเกษตรที่เธอปลูกมัน ไม่ไกลจากที่พักพิงผู้ลี้ภัยมาราเทน ไซโคลนกอมเบ ทำลายพื้นที่บางส่วนในแปลงเกษตรของเธอ แต่เธอได้ปลูกมันขึ้นมาใหม่และมีผลผลิตออกแล้ว © UNHCR/Hélène Caux
โดโรธี กำลังเตรียมตัวกลับบ้านหลังรดน้ำเสร็จ แต่เงินที่ได้รับจากการขายมันที่เธอปลูก ยังไม่เพียงพอต่อการดูแลลูก ๆ ทั้ง 7 คน © UNHCR/Hélène Caux
บูคุรุ ลูกชายของโดโรธี อายุ 14 ปี ในที่พักพิงชั่วคราวมาราเทน กับน้องชายอีก 2 คน ในที่พักพิงหลังเก่าของพวกเขาถูกพายุไซโคลนกอมเบ ทำลาย © UNHCR/Hélène Caux
ลมแรง และฝนตกหนักจากพายุไซโคลนกอมเบ ทำลายที่พักพิงของผู้ลี้ภัยราวร้อยละ 80 ในที่พักพิงชั่วคราวมาราเทน © UNHCR/Hélène Caux
ลูเซีย โทโมซีน กับนักเรียนบางส่วนของเธอในโรงเรียนประถมมาราเทน หลังเกิดพายุไซโคลนกอมเบ เธอสอนเด็กๆ เกี่ยวกับวิธีเอาตัวรอดจากเหตุภัยพิบัติร้ายแรง “พวกเขาฟังอย่างตั้งใจ แต่พวกเขายังกังวลว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกครั้ง” เธอเล่า © UNHCR/Hélène Caux
พายุไซโคลนกอมเบ ทำลายห้องเรียนในโรงเรียนประถมมาราเทน ทำให้เด็ก ๆ ต้องนั่งเรียนที่สนามแทน UNHCR มอบเต็นท์เอนกประสงค์เพื่อใช้เป็นห้องเรียนชั่วคราว โดยทางการคาดว่าสามารถสร้างห้องเรียนขึ้นมาใหม่โดยใช้วัสดุที่แข็งแรงมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า © UNHCR/Hélène Caux

ในอนาคต แนวทางที่คล้ายคลึงกันนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อสร้างบ้านใหม่ให้กับผู้ลี้ภัยและชุมชนที่ให้ที่พักพิงที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบของมาราเทน โดยที่พักพิงชั่วคราวแห่งนี้เป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัย 9,300 คน ส่วนใหญ่มาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และบุรุนดี ซึ่งได้รับผลกระทบจากไซโคลนกอมเบ เช่นเดียวกัน ทำให้ที่พักพิงราวร้อยละ 80 ได้รับความเสียหาย ขณะที่บางส่วนถูกทำลายราบคาบ ชุมชนในพื้นที่หลายพันคนได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

“มันช่างโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า” โดโรธี ผู้ลี้ภัยชาวบุรุนดี วัย 35 ปี กล่าว “บ้านของเราหายไป ภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที หลังคาถล่มลงมาแทบจะทันทีที่ฉันพาลูกทั้ง 7 คน ออกมาได้อย่างปลอดภัย ไม่ต่างอะไรกับการหนีจากความขัดแย้ง เด็ก ๆ ต่างร้องไห้ ฉันรู้สึกโดดเดี่ยว และหมดกำลัง สามีของฉันจากไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และฉันไม่มีใครให้พึ่งพา”

โดโรธี และลูก ๆ ของเธอพักอยู่กับเพื่อนบ้านชั่วคราว และย้ายเข้ามาในที่พักพิงที่ยังว่างอยู่ในเวลาต่อมา แต่พวกเขาหวังว่าจะสามารถย้ายเข้าบ้านหลังที่โบสถ์ของค่ายกำลังช่วยสร้างขึ้นใหม่

“ฉันไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร”

แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือ แต่โดโรธี ผ่านแต่ละวันไปได้อย่างยากลำบาก “ฉันปลูกมันในพื้นที่เล็ก ๆ ที่ชาวโมซัมบิกเป็นเจ้าของ พืชผลของฉันถูกทำลายจากไซโคลนกอมเบ แต่ฉันทำความสะอาดพื้นที่และปลูกมันขึ้นมาใหม่ ตอนนี้มันที่ฉันปลูกขึ้นใหม่อีกครั้งแล้ว”

โดโรธี ขายผลผลิตของเธอแก่ผู้ลี้ภัยคนอื่น ๆ และนำเงินที่ได้มาซื้ออาหารอย่างอื่น ๆ แต่ยังไม่เพียงพอ “ฉันตัวคนเดียวกับลูก ๆ อีก 7 คน และไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร หวังว่าเราจะสามารถย้ายไปยังบ้านใหม่ที่ทำให้เรารู้สึกถึงบ้านอีกครั้งได้เร็ว ๆ นี้”

วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ผู้ลี้ภัย และผู้พลัดถิ่น เช่น พาทริซิโอ และโดโรธี ที่ขาดแคลนทั้งอาหาร ที่พักพิง ความปลอดภัย และอาชีพเปราะบางมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามพวกเขายังตั้งใจเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

“ผมมีความสุขที่จะสามารถย้ายเข้ามาในที่พักพิงใหม่ได้เร็ว ๆ นี้ และพอใจกับทุกขั้นตอนที่เราได้มีส่วนร่วมในการสร้างมันขึ้นมา” พาทริซิโอ กล่าว “เมื่อเปรียบเทียบกับที่พักพิงหลังก่อนหน้านี้ หลังใหม่นี้ดีกว่ามาก ผมรู้ได้เลย หากมีไซโคลน หรือพายุโซนร้อน ผมจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในบ้านหลังนี้ สิ่งที่ผมต้องการตอนนี้คือพื้นที่ส่วนหนึ่งในการเพาะปลูกเพื่อนำมาเป็นอาหารของครอบครัว และการที่ผมสามารถพึ่งพาตนเองได้”

Share on Facebook Share on Twitter

 

See also

ครอบครัวชาวเอธิโอเปียเผชิญกับความยากลำบากในการเอาชีวิตรอดท่ามกลางภัยแล้ง

UNHCR: ความขัดแย้ง ความรุนแรง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้การพลัดถิ่นเพิ่มสูงในครึ่งปีแรกของ พ.ศ. 2564

น้ำท่วมหนักพัดพาความทุกข์ยากมาสู่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในค่ายประเทศบังคลาเทศ

  • เกี่ยวกับ UNHCR
  • การทำงานของเรา
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน
  • ข้อมูลข่าวสารล่าสุด
  • มีส่วนร่วมกับเรา

© UNHCR 2001-2023

  • Terms & Conditions and Privacy Policy
  • Follow